QVBR (Quality-Defined Variable Bitrate Control)
เทคโนโลยีการบีบอัดวิดีโอ ปัจจุบันนี้ก้าวไกลไปมาก อัลกอริทึมบีบอัดขั้นสูง เช่น HEVC (H.265), VP9, AV1 ช่วยลดขนาด video ได้ถึง 40% - 50% เมื่อเทียบกับ H.264/MPEG-4 AVC ที่ใช้เป็นมาตราฐานในปัจจุบัน
แต่นอกจากการลดขนาดวิดีโอด้วยการบีบอัดแล้ว ยังมีปัจจัยอีกอย่างหนึ่งคือ ตัวควบคุมบิตเรท จะต้องมีประสิทธิภาพตามไปด้วย แต่ที่ผ่านมามักถูกมองข้าม Intel ได้เสนอเทคโนโลยี ควบคุมบิตเรทใหม่ เรียกว่า Quality-Defined Variable Bitrate Control หรือเรียกสั้นๆ ว่า QVBR เป็นเทคนิคการควบคุมบิตเรต ที่แปรผันไปตามความซับซ้อนของวิดีโอ
Data Rate หรือ ปริมาณการใช้ Bitrate ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของวิดีโอ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากวิดีโอมีภาพเคลื่อนไหวมากๆ หรือภาพในแต่ล่ะ frame มีจุดที่แตกต่างกันมาก ก็จะทำให้ใช้ข้อมูลมากขึ้น หากเป็นไฟล์ ขนาดไฟล์จะใหญ่ขึ้น หากเป็นการถ่ายทอดสด จะใช้ Bandwidth มากขึ้น
ตัวควบคุมบิตเรต (Bitrate control) ที่เป็นที่รู้จักกัน จะมีสองแบบคือ CBR และ VBR เรามารู้จักสองตัวนี้กันก่อน
CBR หรือ Constant Bit rate control
เป็นการใช้ bitrate แบบคงที่ ไม่ปรับไปตามความซับซ้อนของวิดีโอ ดังนั้นหากเรากำหนดไว้มากไป ก็จะทำให้ไฟล์ใหญ่ขึ้น (หรือใช้ Bandwidth มากขึ้น) หากกำหนดไว้ต่ำไป ก็อาจจะส่งผลต่อคุณภาพของวิดีโอได้ โดยทั่วไปมักกำหนดให้มากๆ ไว้ก่อนเพื่อคุณภาพสูงสุด แต่จะสังเกตุว่า มี wasted bits สูง
content ที่เหมาะกับ CBR เช่น งานกีฬา คอนเสิร์ต หนัง
VBR หรือ Variable Bit Rate
เป็นการปรับขนาด bitrate ไปตามความซับซ้อนของวิดีโอ เช่นเมื่อช่วงที่มีความซับซ้อนของวิดีโอน้อยๆ จอดำ หรือไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว จอดำ (แต่ล่ะ frame มีความใกล้เคียงกัน) จะใช้ Bitrate ลดลง และเมื่อถึงช่วงที่วิดีโอมีความซับซ้อนมากๆ ก็จะใช้ bitrate เพิ่มมากขึ้น
สำหรับไฟล์วิดีโอ วิธีนี้สามารถให้คุณภาพที่ดี ในขณะที่ใช้ bitrate ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องแลกกับการทำ บีบอัดสองรอบ (VBR 2 Pass) รอบแรกสำหรับวิเคราะห์ความซับซ้อนของวิดีโอ รอบที่สองสำหรับการบีบอัด
หากเราใช้วิธีนี้ในการทำวิดีโอสด แต่วิดีโอสดนั้นไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ VBR จึงใช้ค่าเฉลี่ยแทน แม้ว่าจะช่วยลด Bandwidth ลง จากภาพด้านบนจะเห็นว่าในช่วงที่มีความซับซ้อนของวิดีโอสูง จะใช้ data rate มากกว่า ที่จองไว้ จะส่งผลให้ภาพแตกเป็นช่วงสั้นๆ
content ที่เหมาะกับ VBR จะเป็นวิดีโอที่ไม่ซับซ้อน หรือมี movement มากนัก เช่น งานบรรยาย งานสัมมนา
QVBR (Quality-Defined Variable Bitrate Control)
ดังนั้นจะเห็นว่า CBR และ VBR ต่างก็มีข้อดีข้อเสีย เทคโนโลยี QVBR จึงได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ ด้วยการปรับขนาด Bitrate ตามความซับซ้อนของวิดีโอ โดยใช้ Data Rate ตามที่ใช้จริง (ไม่ได้ใช้ค่าเฉลี่ยเหมือน VBR) และจะใช้ max bitrate ตามที่กำหนดไว้ ในช่วงที่วิดีโอมีความซับซ้อนสูงสุด
วิธีนี้ จะช่วยลดทั้งขนาดไฟล์ หรือ Bandwidth ได้ถึง 10% -50% ขึ้นอยู่กับเนื้อหาวิดีโอ และยังสามารถใช้ร่วมกับการบีบอัดแบบ HEVC (H.265) ซึ่งจะช่วยลดขนาดวิดีโอ และใช้ Bandwidth ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลการทดสอบจากเอกสารของ Amazon Elemental กับช่อง TV ที่ live เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ด้วยความคมชัด 1080p @30FPS โดยทำเป็น 4 รูปแบบ ดังนี้
CBR ที่ 6 Mbps
QVBR ที่ Quality Level 8 (TV)
QVBR ที่ Quality Level 7 (PC/Tablet)
QVBR ที่ Quality Level 6 (Mobile Phone)
ผลการทดสอบจะเห็นว่า เมื่อเทียบกับ CBR แล้ว QVBR 8 จะใช้ Bandwidth น้อยกว่า CBR ถึง 28.7% หรือใน 1 วัน สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ $31.80 USD แน่นอนว่าเมื่อ Bandwidth ใช้น้อย หากเป็นไฟล์วิดีโอ ก็จะใช้พื้นที่น้อยลงด้วย
จริงๆ แล้ว Intel นำเสนอ QVBR ในช่วงราวๆ ปี 2016 และออกมาพร้อมกับ Intel Media SDK ในปี 2017 ผู้ให้บริการอย่าง Amazon Elemental ดูจะเป็นเจ้าเดียว ที่ให้การรองรับ QVBR อย่างจริงจัง และเปิดตัวในงาน NAB 2018 ในขณะที่ ผู้พัฒนา software encoder ยังไม่ค่อยให้ความสนใจ และปัจจุบันยัง support บน Windows เท่านั้น ด้วยข้อจำกัดนี้ ทำให้ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร
สนใจช่องทางการ Live Stream หรือต้องการคำแนะนำเรายินดีให้คำปรึกษา
ครบ จบ ในที่เดียว
For more information please contact
Web : www.thailivestream.com
FB : www.facebook.com/thailivestream
A more affordable professional livestream solution.
Tel : 02-412-8880 , 090-986-1388
Forgot password | ลืมรหัสผ่าน ?
ให้ท่านกรอก Email ของท่านที่ใช้ในการสมัครสมาชิก ระบบจะทำการส่งรหัสผ่านใหม่ไปให้กับท่านทาง Email แบบอัตโนมัติ
สามารถจัดการข้อมูลสมาชิกได้ด้วยตัวท่านเอง
สามารถรับชมรายการต่างๆ มากมายเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
รับข่าวสารและสิทธิพิเศษจากเราก่อนใครๆ
คุยสด มันส์ๆ กับเพื่อนๆผ่านห้องสนทนาออนไลน์
สามารถโหวตรายการ ที่ท่านชื่นชอบได้